ฝากประวัติ โพสรับสมัครงานฟรีๆ คลิกเลย!!

วันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

การสร้างกล้ามด้วยวิธีทางธรรมชาติ

Photobucket

เซลล์กล้ามเนื้อในร่างกายของคนเราต้องการแคลอรีมากมาย ดังนั้นเมื่อเรารับประทานอาหารและได้แคลอรีเหล่านี้เข้ามาในร่างกาย ไขมันจะไม่ใช้แคลอรีเหล่านี้ แต่กล้ามเนื้อของเราใช้กล้ามเนื้อจะมีความหนาแน่นมากกว่าไขมัน ถ้าเราสามารถสร้างกล้ามเนื้อให้เกิดขึ้น เราก็จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น แต่ผอมลงและกล้ามเนื้อเหล่านั้นจะดูดซึมแคลอรี และปล่อยให้แคลอรีที่เกินความต้องการนั้นเปลี่ยนเป็นไขมัน

กล้ามเนื้อไม่สามารถถูกสร้างได้โดยปราศจาก Growth hormone ในกระแสเลือดของเราโปรตีนจำเป็นต่อการสร้างโครงสร้างของร่างกาย การสร้างโครงสร้างไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อ กระดูก อวัยวะ เนื้อเยื่อ และอื่น ๆ ล้วนต้องการโปรตีน แต่ถ้าในกระแสเลือดมีแต่อินซูลินแล้วโปรตีนก็จะไม่เปลี่ยนไปในโครงสร้างของร่างกาย แต่จะเปลี่ยนไปเป็นพลังงานหรือไขมันเท่านั้น สิ่งที่นำมาเปลี่ยนโปรตีนให้เป็นกล้ามเนื้อ หรืออยู่ในโครงสร้างของร่างกายก็คือ Growth hormone ไม่ใช่อินซูลินมีเพียง Growth hormone เท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนอาหาร (โปรตีน) ไปเป็นเนื้อเยื่อ อวัยวะ กระดูก โครงสร้างกล้ามเนื้ออื่น ๆ

ร่างกายของมนุษย์ค่อนข้างมีความฉลาด มันสามารถคำนวณได้ว่าเวลาที่ดีที่สุดของร่างกายที่จะผลิต Growth hormone คือขณะที่กำลังนอนหลับระหว่าง 90 นาทีแรกหลังจากที่นอนหลับโดยธรรมชาติแล้วร่างกายจะผลิต Growth hormone ซึ่งจากนั้นการทำงานของมันคือเปลี่ยนโปรตีนที่มีอยูให้เป็นกล้ามเนื้อ เนื้อเยื่อ กระดูก ผิวหนัง ผม และส่วนต่าง ๆ ที่ทดแทนขึ้นมาใหม่ถ้าเรารับประทานอาหารมาก ก่อนนอนหลับร่างกายก็ไม่รู้ว่าควรทำอะไร มันก็ต้องเปลี่ยนอาหารทั้งหมดเป็นพลังงาน ดังนั้นมันจึงผลิตอินซูลินมากมายเพื่อที่จะจัดการงานของมันแต่ขณะที่เรานอนหลับร่างกายก็พยายามที่จะผลิต Growth hormone ด้วยเมื่อฮอร์โมน 2 ชนิดนี้พยายามที่จะอยู่ด้วยกันเวลาเดียวกันในกระแสเลือด Growth hormone จะมีระดับปานกลาง และอินซูลินจะมีมากกว่า จึงมีอินซูลินอยู่มากมาย อาหารที่รับประทานมากมายก่อนนอนจีงเปลี่ยนไปเป็นไขมัน

กรดอะมิโนบางชนิดเช่น Ornithine และ Arginine ทำให้ร่างกายผลิต Growth hormone ได้มากขึ้น กรดอะมิโนเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในรูป Growth hormone เพียงแต่เป็นอาหารสำหรับต่อม พิธูอิธารี่ ซึ่งผลิต Growth hormone เมื่อต่อมพิธูอิธารี่สามารถผลิต Growth hormone ที่มากกว่ปริมาณปกติ มันก็จะเปลี่ยนโปรตีนให้เป็นกล้ามเนื้อ เราก็จะสามารถลดน้ำหนักได้ด้วยการสร้างกล้ามเนื้อ
ส่วน Lysine นั้นเป็นกรดอะมิโนที่จำเป็นสำหรับร่างกายอีกชนิดหนึ่ง และสำหรับบางคนแล้วเมื่อรับประทาน Arginine เข้าไปจะทำให้เกิดแผลในช่องปาก และ Lysine ป้องกันไม่ให้เกิดอาการนี้

Photobucket

**อันตรายของสเตียรอยด์**
สเตียรอยด์ในร่างกายPhotobucket
บางท่านอาศัยการสร้างกล้ามเนื้อโดยการใช้สเตียลอยด์การที่ร่างกายสามารถรับสเตียรอยด์ได้เนื่องจากร่างกายเองก็มีการสร้างสเตียรอยด์ออกมาก เพื่อควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย โดยมีการควบคุมมาจากสมองมายังต่อมหมวกไต เพื่อหลั่งสารสเตียรอยด์ออกมา ซึ่งร่างกายจะนำไปใช้ในการควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปรับตัวเพื่อเอาชีวิตรอด
พิษร้ายของสเตียรอยด์
แม้ว่าในทางการแพทย์สเตียรอยด์จะมีข้อบ่งชี้ทางการรักษามากมาย แต่ไม่ควรซื้อยานี้ใช้เองโดยไม่มีแพทย์คอยดูแลการใช้ยา เนื่องจากผลข้างเคียงของสเตียรอยด์นั้นมีมากมายเช่นกัน ได้แก่

• เลือดออกในกระเพาะอาหาร เนื่องจากสเตียรอยด์ไปทำให้ผนังกระเพาะอาหารและลำไส้บางลง และเสียความสามารถในการป้องกันกรดในทางเดินอาหารที่หลั่งมาเพื่อย่อยอาหาร ดังนั้นหากได้สเตียรอยด์ไปนานๆ ผนังทางเดินอาหารก็จะบางตัวลงจนถึงขั้นทะลุ และเกิดแผลเลือดออกได้ หากได้รับการรักษาไม่ทันท่วงทีก็เสียชีวิตได้

• กระดูกบาง การใช้สเตียรอยด์จะไปกระตุ้นเซลล์ในกระดูกชนิดหนึ่งร่วมกับกระตุ้นระบบฮอร์โมน ทำให้กระดูกถูกละลายบางลง ซึ่งในคนสูงอายุก็จะลงท้ายด้วยกระดูกพรุนและเกิดกระดูกหักได้ง่าย

• ร่างกายหยุดสร้างสเตียรอยด์ เพราะได้สเตียรอยด์จากภายนอกไปมากพอแล้ว และหากวันใดไม่ได้รับสเตียรอยด์จากภายนอกเข้าไป แล้วเจอเรื่องเครียด (เจ็บป่วย อดอาหาร เครียด) ร่างกายก็จะขาดสเตียรอยด์อย่างฉับพลัน และไม่สามารถปรับตัวได้ทัน อาจทำให้ความดันโลหิตตกลง หมดสติ และเสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว

• กดภูมิคุ้มกันของร่างกาย บดบังอาการติดเชื้อต่างๆ เมื่อร่างกายติดเชื้อก็จะไม่มีอาการเจ็บไข้ให้เห็น ทำให้ดูเหมือนสบายดี และเนื่องจากสเตียรอยด์กดภูมิคุ้มกันของร่างกายเอาไว้ ดังนั้นกว่าจะรู้สึกอีกที เชื้อโรคก็เจริญเติบโตเริงร่าไปทั่วร่างกายแล้ว ซึ่งทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้

• ยับยั้งการเติบโตในเด็ก ทำให้เด็กโตช้าและหยุดสูงเร็วกว่าปกติ อันนี้ไม่ถึงขั้นเสียชีวิต แต่เลี้ยงไม่โต

• น้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงในผู้ป่วยเบาหวาน หรือทำให้ระดับน้ำตาลควบคุมได้ยาก หากน้ำตาลอยู่ในระดับสูงมากอาจทำให้ช็อคและเสียชีวิตได้
โดยปกติ ยาสเตียรอยด์ถูกจัดเป็นยาควบคุมพิเศษ ไม่สามารถขายแม้ในร้านขายยาได้หากไม่มีใบสั่งยาจากแพทย์ และโดยทั่วไปก็ไม่มีแพทย์คนไหนสั่งสเตียรอยด์ให้คนไข้สุ่มสี่สุ่มห้า เพราะว่าในที่สุด ผลสุดท้ายที่ออกมาก็คือการรักษาจะไม่ดีขึ้นในระยะยาว กล้าพูดได้ว่าสเตียรอยด์ที่คนไทยใช้กันผิดๆ อย่างต่อเนื่องที่ได้รับโดยตรงจากเภสัชกรหรือแพทย์นับว่ามีน้อยมาก แต่เมื่อพบผู้ที่ใช้สเตียรอยด์มาต่อเนื่องยาวนาน กลับพบว่าส่วนใหญ่มักมีความเชื่อว่าเภสัชกรหรือแพทย์นั่นแหละที่แอบจ่ายยาสเตียรอยด์ให้เขาโดยไม่บอก ไม่รู้ว่าตนเองไปโดนมาจากไหน หรือแม้แต่ไม่เชื่อว่าของที่กินอยู่นั่นแหละที่ผสมสเตียรอยด์
แหล่งสเตียรอยด์ที่สำคัญของคนไทย
แหล่งสเตียรอยด์ที่สำคัญของคนไทย คือ ยาสมุนไพร ยาแผนโบราณ ยาลูกกลอน ยาพระ ยาต้ม ยาหม้อ ยาชุด ยาลูกกลอน ยาสมุนไพร ยาต้ม ยาหม้อ
ในที่นี้มิได้มีเจตนาดูถูกภูมิปัญญาชาวบ้านนะคะ เพราะที่ดีก็มีอยู่จำนวนมาก แต่เนื่องจากปัจจุบันผู้ค้าบางรายชอบหยิบเอาประเด็นสมุนไพร และภูมิปัญญาชาวบ้านมาแอบอ้างใช้เป็นเกราะป้องกันตัว เวลาทำการโฆษณาขายยาตามหมู่บ้าน โดยอวดอ้างว่าแพทย์แผนปัจจุบันไม่มีความรู้ และดูถูกยาเหล่านี้เพราะเป็นยาพื้นบ้านของไทย การขายยากลุ่มนี้ ถ้าแบบไม่ลงทุนก็ขายเป็นยาลูกกลอน ถ้าลงทุนนิดนึงก็ขายเป็นยาหม้อหรือยาสมุนไพร
ยาลูกกลอน
ของเขาก็เอาพืชผักอะไรก็ไม่รู้ บางทีก็เป็นสมุนไพรจริงนำมาตากบดเป็นผงละเอียด มาปนกับผงยาสเตียรอยด์ จากนั้นผสมน้ำผึ้งปั้นเป็นลูกกลมๆ เป็นอันเสร็จพิธี ข้อเสียของการขายแบบนี้คือ ประชาชนหลายคนถูกปลูกฝังตั้งแต่ยุคสิบกว่าปีก่อนที่มีการรณรงค์เรื่องยาชุดว่า มีกลวิธีผสมสเตียรอยด์แบบนี้ในยาลูกกลอน ดังนั้นจะมีลูกค้าบางส่วนไม่ซื้อ ผู้ค้าที่ฉลาดบางรายจึงเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่เป็นการนำสมุนไพร ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือกิ่งไม้ข้างทาง เถาไม้เลื้อยบางชนิด ใบไม้แห้งต่างๆ มารวมกัน เอาไปผ่านกรรมวิธีอาบน้ำยาสเตียรอยด์ ก่อนจะนำไปตากแห้งแล้วแต่งสีให้ดูปกติ แล้วเอามารวมเป็นชุดๆ ขายให้คนที่หลงเชื่อซื้อเอาไปต้ม พอต้มแล้วเอาน้ำมาดื่ม ซึ่งมีค่าเท่ากับดื่มยาสเตียรอยด์เข้าไปนั่นเอง
ยาพระ
สเตียรอยด์อาจมาในอีกรูปแบบโดยอ้างว่าเป็น ยาพระ โดยมีทั้งพระจริง และพระปลอม พระปลอมก็อย่างเช่น การอ้างเกจิอาจารย์ดังๆ ในอดีต หรืออุปโลกน์พระที่ไม่มีตัวตนขึ้นมาแล้วอ้างตำราของท่านเหล่านั้น ถ้าให้น่าเชื่อถือก็อ้างส่วนผสมแล้วใช้คำไทยๆ เช่น เกสรทั้ง 5 รากทั้ง 6 ลำต้นทั้ง 7 อะไรทำนองนี้ เอามาแปะไว้หน้าห่อ พระจริง มีทั้งแบบที่พระทำเอง หรือแบบที่คนทำเอามาฝากขายตามวัด หรือคนทำเอาไปหลอกพระที่วัดเพื่อเอาพระเหล่านั้น มาเป็นสโลแกนว่าเป็นยาโบราณ พวกนี้ผิดกฎหมายแถมยังบาปอีกต่างหาก
ยาชุด
ยาชุดในที่นี้ขอให้แยกจากยาชุดที่แพทย์หรือเภสัชกรซึ่งมีการระบุชื่อยาไว้อย่างชัดเจน ให้นึกถึงยาหลากหลายสีในถุงยาใสเล็กๆ วิธีกินคือ กินทีละซอง พวกนี้ชอบขายตามร้านของชำ ปั๊มเล็กๆ หรือร้านยาที่ไม่มีเภสัชกรประจำร้าน โดยจะมีตัวแทนจำหน่ายนำมาส่งต่อให้ร้านเหล่านี้อีกที โดยอ้างสรรพคุณครอบจักรวาล ทั้งแก้ปวดเมื่อย กษัยเส้น ช่วยเจริญอาหาร ที่ร้ายก็คือ คนพวกนี้ชอบอ้างสรรพคุณว่าเป็นยาบำรุง ไม่ใช่ยาชุดและบางครั้งยังใส่ความเชื่อผิดๆ ว่ายาชุดที่กระทรวงสาธารณสุขปราบปรามคือ เป็นยาที่แพทย์และเภสัชกรสั่งให้ในคลินิก โรงพยาบาล หรือร้านขายยา แล้วแอบผสมสเตียรอยด์ลงไป
สรุปว่าไม่ว่าจะเป็นยาอะไรจากใครก็ตาม หากคุณเห็นว่าใส่รวมๆ กันไม่มีชื่อยาก็ขอให้ถาม ชื่อยา จากคนที่เอายาให้ อย่าเกรงใจกลัวเขาจะว่า เพราะนั่นเป็นสิทธิผู้ป่วยที่คุณสมควรรับทราบ แต่ถ้าถามชื่อยาแล้วกลับบอกแค่ว่าเป็นยารักษาอาการอะไร ประมาณว่า ยา ชื่อ อาการ เช่น ยาลดปวด ยาลดบวมข้อ ยาเส้น ยาแก้ไอ เป็นต้น ก็ให้คิดเผื่อใจไว้เลยว่าคุณอาจจะเจอยาชุดของจริงเข้าให้แล้ว

ไม่มีความคิดเห็น: